EPA & DHA กรดไขมันที่สำคัญใน OMEGA-3

Omega 3 ได้แก่ EPA ( Eicosapentaenic acid ) และ DHA ( Docosacexaenoic acid ) ทั้ง EPA และ DHA ต่างมีความจำเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมทั้งการสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ ร่างกายของเราประกอบขึ้นด้วยเซลล์มากมาย ดังนั้น การได้รับสารทั้ง 2 ตัวที่กล่าวมาอย่างไม่เพียงพอจะส่งผลกระทบต่อทุกส่วนของร่างกาย รวมไปถึงกระดูก เลือด อวัยวะ ผิวหนัง ผม และสุขภาพจิตของเราด้วย ร่างกายของเราต้องการ EPA และ DHA อย่างน้อย 650มิลลิกรัม เพื่อให้ทั้งร่างกายและจิตใจทำงานได้ตามปรกติ ในอดีตที่ผ่านมา EPA ถูกมองว่าเป็นกรดไขมัน Omega-3 ที่มีความสำคัญมากที่สุดในทางการแพทย์และทางชีววิทยา ส่วน DHA กลับแทบไม่ได้รับการกล่าวถึง เมื่อพูดถึงผลที่ได้จากกรดไขมัน นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า DHA เป็นกรดไขมันที่เป็นองค์ประกอบหลักของสมองของเรา และเมื่อไม่นานมานี้ ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า EPA และ DHA ไม่เพียงจะอยู่ในเซลล์ไขมัน เซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย แต่ยังส่งผลและทำงานในหลายๆรูปแบบ DHA เป็นกรดไขมันสำคัญที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์ซึ่งเปรียบได้กับโครงสร้างของบ้าน โดย DHA เป็นเหมือนวัสดุพื้นฐานที่ผสมในคอนกรีตที่ใช้ในการสร้างบ้าน ถ้าคอนกรีตไม่แข็งแรงพอ ส่วนประกอบต่างๆก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เช่นเดียวกับประเภทของกรดไขมันที่เราบริโภค จะเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่ง หรือความอ่อนนุ่มของเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของร่างกาย DHA ไม่ได้พบแต่ในสมองเท่านั้น แต่ยังพบในหลายๆเซลล์ของร่างกาย ผ่านทางกระแสเลือด  แต่DHA ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปที่สมองเนื่องจากสมองต้องการมากที่สุด เพื่อช่วยให้สมองทำงานได้อย่างปรกติ ซึ่งทั้ง EPA และ DHA จะออกฤทธิ์ต่างกันออกไป หรือถ้าจะมองแบบง่ายๆ เราอาจกล่าวได้ว่า DHA ทำหน้าที่เป็น โครงสร้าง (Building blocks) ของเยื่อหุ้มเซลล์ ส่วน EPA จะทำหน้าที่เป็นตัวให้พลังงานกับเซลล์
กรดไขมันที่สำคัญที่สุดในกลุ่ม

ที่มา : หนังสือ

Healthy on the inside, Beautiful on the outside


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น